มีผลการศึกษามากมายที่กำลังไขปัญหาว่าสภาพอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงของส่งผลต่อพืชพันธุ์กาแฟจริงไหม งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2019 ชิ้นหนึ่งเผยว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของพันธุ์กาแฟที่เราๆ รู้จักกันอาจสูญพันธุ์ในอนาคต ผลงานวิจัยชิ้นใหม่ๆ ยังพยายามลงลึกถึงผลกระทบว่าภาวะโลกร้อนสามารถทำร้ายกาแฟที่เรารักไปจนถึงรสชาติ กลิ่น และคุณภาพของกาแฟจริงไหม
ข่าวร้ายคือ ไม่เพียงแต่โลกร้อนจะเสี่ยงต่อความอยู่รอดของพันธุ์กาแฟแล้ว ยังทำให้รสชาติแย่ลงอีกด้วย
ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยมอนทานาและมหาวิทยาลัยทัฟส์ในอเมริกาได้มองหาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของกาแฟและค้นพบว่าผลกระทบนั้นยิ่งใหญ่กว่านั้น เพราะกาแฟหนึ่งแก้วเชื่อมโยงกับห่วงโซ่การผลิตมากมาย ตั้งแต่ความต้องการของผู้ซื้อ ราคากาแฟ รวมถึงคุณภาพชีวิตของเกษตกรผู้ปลูกกาแฟ โดยพวกเขายังบอกอีกว่าหากเราเข้าใจศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้ เราอาจช่วยเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกาแฟเพื่อรับมือกับการผลิตที่ท้าทายในอนาคตได้
นักวิจัยยังระบุปัจจัยสองประการที่มีความเกี่ยวข้องกับคุณภาพของกาแฟมากที่สุด นั้นคือกาแฟที่ปลูกในพื้นที่สูงกว่าจะมีรสชาติและกลิ่นหอมที่ดีกว่า ประการที่สองคือแสงแดดที่มากเกินไปจะกดคุณภาพของกาแฟลดลง โลกร้อนจะส่งกระทบในปัจจัยแรกอย่างสูง ซึ่งนักวิจัยยังบอกอีกว่าการศึกษาพืชที่ปลูกในพื้นที่ระดับความสูงต่างกันเป็นตัวบ่งชี้ถึงอุณภูมิได้ดี ยิ่งสูงยิ่งอากาศเย็นกว่า ทำให้ผลไม้สุกช้ากว่า เปิดโอกาสให้พืชผลได้เติบโตพร้อมกับรสชาติและกลิ่นที่ดีกว่า นั่นทำให้ผลกาแฟที่สุกเร็วเกินไปจึงให้รสชาติไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นในอนาคตการปลูกกาแฟจึงกลายเป็นเรื่องท้าทายโดยเฉพาะในสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นที่เราเผชิญอยู่
นักวิทยาศาสตร์ยังพูดถึงเรื่องของแสงแดดว่าในทางกลับกันเป็นเรื่องง่ายที่จัดการได้ง่ายกว่า โดยการจัดพื้นที่ร่ม รวมถึงการส่งเสริมระบบกาแฟที่ปลูกในที่ร่มโดยการใช้พืชคลุมดินที่เหมาะสม อันจะกลายเป็นกลยุทธ์ในการปรับตัวให้เข้ากับภาวะโลกร้อนที่ง่ายกว่าปัจจัยเสี่ยงชวนหัวอื่นๆ เช่น หากจำต้องย้ายพื้นที่ทำกิน เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตามยังมีเรื่องอีกมากที่เราต้องศึกษาและลงมือทำ นักวิทยาศาสตร์ยังแนะตบท้ายอีกว่า เราสามารถเริ่มได้ด้วยการส่งเสริมความยั่งยืนให้มากขึ้นในภาคการผลิตกาแฟเพื่อรักษากาแฟแก้วอร่อยให้ยังอยู่กับเราต่อไป
แหล่งที่มา https://www.gqthailand.com/lifestyle/article/coffee-and-climate-change