ด้วยชื่อของ แกงมัสมั่น หน้าตาของแกงสีแดงส้มรสเข้มข้นทั้งหวาน เค็ม เผ็ด คงเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะเป็นราดข้าวแกงข้างถนน หรือร้านระดับดาวมิชลิน คุณก็สามารถพบกับเมนูได้ พร้อมกับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำ ซึ่งถ้าหากยังจำกันได้ดีในช่วงปี 2017 แกงมัสมั่นก็ได้สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยการถูกจัดอันดับว่าเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก (The world’s 50 best foods) จากสื่อต่างประเทศอย่าง CNN Travel ล่าสุดในปี 2021 แกงมัสมั่นไทยก็ยังคงครองแชมป์ตำแหน่งอันดับไว้ได้อีกครั้งหนึ่ง

     โดยทางเว็บไซต์ได้กล่าวถึงแกงมัสมั่นว่าเป็น “ราชาแห่งเครื่องแกง” ด้วยรสชาติที่ผสมผสานทั้งความเผ็ด ความเข้มข้นของกะทิและถั่ว ความหวานและความเค็ม ที่ถึงแม้ว่าจะใช้เครื่องแกงสำเร็จรูปที่หาได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต รสชาติและผลลัพธ์ที่ออกมาก็เกือบจะเทียบเคียงที่เสิร์ฟในร้านอาหารได้เช่นกัน นอกจากนี้คำว่า “The Land of Smiles” ก็ไม่ใช่เพียงแต่สโลแกนชวนเชื่อเกินจริง แต่เป้นผลลัพธ์จากการที่มีของอร่อยวางขายอยู่แทบทุกมุมถนน

 นอกเหนือจากแกงมั่สมั่นแล้วก็ยังมีอาหารไทยอย่างต้มยำกุ้งติดอยู่ในลำดับที่ 8 ในลิสต์นี้ การที่มัสมั่นยังคงถูกจัดให้อยู่ในลำดับที่ 1 ในปี 2021 นี้ ทำให้สามารถครองแชมป์ติดต่อกันได้เป็นปีที่ 5 นับตั้งแต่การจัดอันดับถูกเผยแพร่ครั้งแรกในปี 2017

about:blank

     สำหรับแกงมัสมั่นต้นตำรับนั้นมาจากทางอินเดีย ก่อนที่จะเริ่มต้นเข้ามาในประเทศไทยโดยแขกเจ้าเซ็นจากทางเปอร์เซีย สันนิษฐานว่าคำว่า “มัสมั่น” มาจากภาษาเปอร์เซียคำว่า “มุสลิมมาน” ซึ่งหมายถึง ชาวมุสลิม

     ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเกิดการผสมผสานวัฒนธรรมทางอาหารของไทยเข้าไป จนกระทั่งในช่วงยุคของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งยุครัตนโกสินทร์ ก็ได้มีการระบุว่ามัสมั่นเป็นหนึ่งอาหารตำรับไทย ผ่านกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เพื่อชมฝีพระหัตถ์ในการปรุงเครื่องเสวยของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี โดยกล่าวถึงอาหารคาวทั้ง 15 ชนิด ได้แก่ แกงมัสมั่นไก่, ยำใหญ่,ตับเหล็กลวก, หมูแนม, ก้อยกุ้ง, แกงเทโพ, น้ำยา, แกงอ่อม, ข้าวหุงเครื่องเทศ, แกงคั่วส้ม, พล่าเนื้อ, ล่าเตียง หรุ่ม, ไตปลา, แสร้งว่า และอาหารหวานอย่างรังนก ซึ่งในปัจจุบันบางเมนูก็นับว่าหาทานยาก บางเมนูก็เป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

     อีกทางด้านก็มีการระบุว่ามัสมั่นเป็นประเภทแกงที่ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู แถบประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน และภาคใต้ของไทย โดยมีชื่อเรียกว่าซาละหมั่น เป็นแกงออกรสเค็มมัน มีความข้นจนเกือบคล้ายน้ำจิ้มสะเต๊ะ ส่วนของไทยจะออกรสหวานและมีความเหลวของกะทิมากกว่า แต่สิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองสูตรคือ ลูกผักชี ยี่หร่า ดอกจันทน์ และกานพลู อันเป็นเครื่องเทศหลักของมัสมั่น ในช่วงแรกจะนิยมใช้มันเทศก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นมันฝรั่งในยุคหลัง สำหรับเนื้อสัตว์นั้นสามารถเลือกใช้ได้ทั้งเนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อไก่

     แน่นอนว่าในปัจจุบันเราสามารถพบเจอเมนูมัสมั่นได้เกือบแทบทุกทีไม่ว่าจะเป็นร้านข้าวแกง ร้านอาหารบนห้างหรือแม้แต่โรงแรม อย่างเช่นร้าน ช้าว (Khao) ร้านอาหารไทยเจ้าของรางวัล 1 ดาวมิชลิน 2 ปีติดต่อกัน ที่หยิบสูตรมัสมั่นแบบดั้งเดิมมาถ่ายทอด พร้อมการเลือกใช้น่องแกะชิ้นโตไปตุ๋นจนเปื่อยนุ่มพร้อมแกงแบบเข้มข้น หรืออย่างร้านสระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by Kiin Kiin) เองก็มีการรังสรรค์มัสมั่นไทยออกมาในรูปแบบของอาหารแบบไฟน์ ไดนิ่ง (Fine Dining) ในรูปแบบโมเดิร์น ทำให้มัสมั่นกลายเป็นเมนูโปรดที่ไม่ว่าคนไทยหรือชาวต่างชาติต่างก็ตกหลุมรักกับรสชาติที่ผสมผสานอย่างลงตัวแบบวัฒนธรรมไทยจานนี้ 

แหล่งที่มา https://www.gqthailand.com/lifestyle/article/stage-menu70-fine-dining

  • July 4, 2022by taka6613
  • 220
  • 0
  • Food

Add Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *