แม้จะมีงานศึกษามากมายที่บ่งบอกถึงประโยชน์ด้านต่างๆ ของกาแฟที่มีต่อสุขภาพ แต่ในอีกด้านของเครื่องดื่มที่คนนิยมดื่มกันทั้งวันทั่วโลกนี้ก็มีผลเสียต่อสุขภาพด้วย เพราะในกาแฟมี Oily Compound หรือสารประกอบที่มีความมันอย่าง ไดเทอร์ฟีน (Diterpene) ซึ่งเพิ่มระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายรวมอยู่ด้วย ซึ่งคลอเรสเตอรอลสามารถทำให้เส้นเลือดอุดตัน เป็นปัจจัยให้เกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกรวมทั้งโรคหัวใจได้ นักวิจัยในนอร์เวย์จึงทำการศึกษาเพื่อดูว่ากาแฟแบบใดที่มีสารนี้อยู่น้อยหรือเป็นมิตรกับสุขภาพผู้ดื่มมากที่สุด ศาสตราจารย์ มาจา-ลิซา โลเคน (Maja-Lisa Lochen) แพทย์โรคหัวใจและทีมงานจากมหาวิยาลัย UiT Artic University ในนอร์เวย์ได้ทำการศึกษาเพื่อดูว่ากาแฟประเภทใดที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่ากัน รวมทั้งความแตกต่างที่เกิดขึ้นต่อสุขภาพระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง โดยการถามคำถามต่างๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มกาแฟ ความสูง น้ำหนัก ค่าความดันโลหิต ตัวอย่างการวิเคราะห์เลือด รวมไปถึงปัจจัยด้านอื่นๆ อย่างการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การศึกษา กิจกรรมทางร่างกาย โรคเบาหวาน และโรคหัวใจกับชาวนอร์เวย์วัย 40 ปีขึ้นไปจำนวน 21,803 คน ซึ่งได้สรุปการศึกษาออกมาเผยแพร่ใน Open Heart วารสารหัวใจและหลอดเลือดหัวใจถึงผลต่อระดับคลอเรสเตอรอลจากกาแฟที่ถูกชงในแบบต่างๆ

เอสเพรสโซ

     เอสเพรสโซเป็นการแฟที่ชงโดยใช้น้ำร้อนแรงดันสูงผ่านผงกาแฟบดที่ถูกอัดแน่น โดยกาแฟเอสเพรสโซยังเป็นกาแฟพื้นฐานสำหรับทำกาแฟอื่นที่คนนิยมดื่ม ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาโนซึ่งเป็นกาแฟดำ หรือกาแฟที่มีฟองนมด้านบนอย่างลาเต้และคาปูชิโน ซึ่งในการศึกษาของนักวิจัยจากนอร์เวย์พบว่าผู้ที่ดื่มเอสเพรสโซ 3-5 แก้วต่อวันมีระดับคลอเรสเตอรอลสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มอย่างชัดเจน โดยผู้หญิงที่ดื่มกาแฟเอสเพรสโซปริมาณนี้มีระดับคลอเรสเตอรอลสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม 0.09 mmol/L หรือมิลิโมลต่อเลือด 1 ลิตร ส่วนผู้ชายที่ดื่มเอสเพรสโซในปริมาณเดียวกันมีระดับคลอเรสเตอรอลในเลือดสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม 0.16 mmol/L ขณะที่คลอเรสเตอรอลที่ดีต่อสุขภาพในร่างกายมีน้อยกว่า 5 mmol/L

กาแฟชงโดยใช้กระดาษกรอง

     กาแฟที่ชงผ่านกระดาษกรองมีวิธีการชงง่ายๆ คือให้น้ำร้อนผ่านผงกาแฟบดที่อยู่ในกระดาษกรองลงในภาชนะรองรับ แต่กลับเป็นวิธีที่สามารถกำจัดสารประกอบที่ทำเกิดคลอเรสเตอร์รอลได้มากที่สุด โดยการศึกษาระบุว่าผู้ชายที่ดื่มกาแฟชงโดยใช้กระดาษกรองวันละ 6 แก้วหรือมากกว่าไม่ได้แสดงว่ามีปริมาณคลอเรสเตอรอลโดยเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าปกติ

     อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่ดื่มกาแฟจากการชงลักษณะนี้แสดงให้เห็นว่ามีระดับคลอเรสเตอรอลเพิ่มขึ้น 0.1 mmol/L เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ดื่ม จากผลที่ออกมาศาสตราจารย์โลเคนได้บอกว่า “หากไม่กรองกาแฟจะทำให้มีไขมันจำนวนมากที่ทำอันตรายต่อสุขภาพ” นอกจากนี้ยังมีการศึกษาอื่นที่แสดงให้เห็นว่ากาแฟที่ไม่ได้ชงด้วยวิธีการใช้กระดาษกรองจะมีไดเทอร์ฟีนมากกว่าถึง 30 เท่า

กาแฟสำเร็จรูป

     บรรดาผู้ที่นิยมความสะดวกในการดื่มกาแฟด้วยลักษณะนี้ ค่อนข้างสบายใจได้ เพราะการศึกษาแสดงให้เห็นว่า กาแฟสำเร็จรูปเพิ่มคลอเรสตอรอลให้ร่างกายน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับกาแฟที่ชงด้วยวิธีอื่น รวมทั้งยังให้ผลที่ไม่แตกต่างกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงที่ดื่มกาแฟลักษณะนี้ ซึ่งผู้ทำวิจัยเรื่องนี้ได้บอกว่า “อาจมีบางสิ่งทำกับเมล็ดกาแฟในขั้นตอนการผลิตกาแฟสำเร็จรูปที่กำจัดไขมันออกไป จึงทำให้พบว่ามีคลอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมากในผู้ชายที่ดื่มกาแฟลักษณะนี้”

กาแฟที่ชงโดยหม้อต้ม Cafetiere

     กาแฟที่ชงโดยหม้อต้ม Cafetiere จะใช้ผงกาแฟต้มพร้อมกับน้ำ ซึ่งเป็นวิธีการชงกาแฟที่ดีต่อสุขภาพน้อยที่สุด เพราะผู้ที่ดื่มกาแฟลักษณะนี้ 6 แก้วต่อวันแสดงให้เห็นว่ามีระดับคลอเรสเตอรอลสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม 0.23-0.3 mmol/L โดยปริมาณคลอเรสเตอรอลที่เพิ่มขึ้นไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย

     จากผลการศึกษานี้ศาสตราจารย์โลเคนได้บอกว่า “ในฐานะแพทย์โรคหัวใจ เมื่อมีคนถามถึงกาแฟที่ควรดื่ม หากเป็นคนมีคลอเรสเตอรอลสูง เคยเกิดอาการหัวใจวาย หรือต้องการลดคลอเรสเตอรอลก็จะแนะนำกาแฟสำเร็จรูปหรือการแฟที่ชงโดยใช้กระดาษกรอง เพราะมันปลอดภัยที่สุดหากดื่มวันละหลายๆ แก้ว แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ดื่มกาแฟมาก แค่เอสเพรสโซแก้วเล็กๆ สักวันละแก้วก็ไม่เป็นไร”

ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.gqthailand.com/lifestyle/article/coffee-healthier

Add Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *