ถ้าพูดถึงเรื่องของการลงทุน หลายๆ คนมักเริ่มต้นจากคำถามว่า “มีเงิน XXX บาท ลงทุนอะไรดี?” (ลองเปลี่ยน XXX เป็นตัวเลขในใจคุณผู้อ่านดูครับ ผมเชื่อว่ามีตั้งแต่หลักร้อย หลักพัน ไปจนถึงหลักล้าน) ซึ่งถ้าหากลองสังเกตให้ดี เราจะเห็นว่าคำถามที่ว่านี้มีจุดบอดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ คนถามยังไม่รู้เลยว่าจะลงทุนไปเพื่ออะไร?
โดยปกติแล้ว ถ้าเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต เรามักจะได้ยินคำสอนแนวๆ “ระหว่างทางสำคัญกว่าจุดหมายปลายทาง” ที่เป็นเหมือนสิ่งสะท้อนให้เรานึกถึงความสุขระหว่างการเดินทางในแต่ละก้าวเดิน แต่ถ้าเป็นเรื่องการเงิน เห็นทีผมคงต้องบอกว่าให้เก็บคำพูดนี้ไปก่อน แล้วถามตัวเองให้ชัดว่า “เป้าหมายในการลงทุนคืออะไร” เพราะถ้าหากเราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วล่ะก็ การเดินทางครั้งนี้จะไม่มีความหมายใดๆ เลยครับ
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนของคำว่า ‘เป้าหมายในการลงทุน’ ผมขอเริ่มต้นจากคำถามง่ายๆ เช่น ถ้าให้คุณผู้อ่านลองเปรียบเทียบระหว่างเป้าหมาย 5 ปีข้างหน้าที่จะต้องแต่งงานกับคนรัก กับการซื้อรถคันใหม่เพื่อขับขี่อย่างมีความสุข คุณคิดว่าเป้าหมายไหนสำคัญกว่าครับ บางคนอาจจะตอบว่า “ความรักสิ เพราะรักชนะทุกอย่าง” ในขณะที่คนอีกกลุ่มจะตอบว่า “รถแรงเมื่อไหร่ แฟนก็มาเองนั่นแหละ” ซึ่งเป้าหมายตรงนี้จะทำให้เราต้องมากำหนดวิธีการและแผนการลงทุนครับ
แต่เดี๋ยวก่อน! ผมไม่ได้จะมาบอกให้ทุกคนหาคำตอบทันทีหรอกครับ ว่าเป้าหมายของชีวิตคืออะไร ต้องเก็บเงินแบบไหน แต่ต้องการเอาเรื่องส่วนตัวของตัวเองมาแลกเปลี่ยนให้ฟังว่า ตัวผมเองเห็นความสำคัญของเรื่องนี้เพราะอะไร และผมใช้วิธีแบบไหนในการวางแผนลงทุนตามเป้าหมายของชีวิตบ้าง
สารภาพตรงๆ ก่อนว่า ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากคำถามแนวๆ “ลงทุนอะไรดี” เช่นกันครับ ซึ่งจากการลงทุนสะเปะสะปะอยู่หลายปีตามที่คนอื่นเล่ามาบ้าง อ่านหนังสือแล้วมั่วๆ เองบ้าง เลยทำให้ผมกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “แล้วตรูต้องการอะไร”
เมื่อเกิดคำถามแบบนี้ขึ้นมาแทน ผมจึงเริ่มจากลิสต์ออกมาก่อนว่า สิ่งที่ผมต้องการหลักๆ มีอะไรบ้าง ซึ่งมันก็มีมากมายหลายอย่างนั่นแหละครับ แต่ผมเริ่มคิดว่าสิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับชีวิตในอีกประมาณ 20 ปีข้างหน้าของผม คือ เงินเก็บที่ไว้ใช้ยามเกษียณ และ เงินเก็บเพื่ออนาคตของลูก
เหตุผลที่ผมสนใจเป้าหมายระยะยาวเป็น 20 ปีเป็นอันดับแรก เพราะว่ามันเป็นความรู้สึกในเชิงจิตวิทยาของตัวเองด้วยว่า เราต้องเก็บเงินสำหรับอนาคตที่ไกลก่อน เพื่อเป็นหลักประกันชีวิตในวันนั้น เพราะถ้าหากแก่ไปแล้วไม่มีเงินพอใช้ ชีวิตคงเหมือนตายทั้งเป็นในไม่ช้า…
ต่อมา เมื่อคิดเป้าหมายออกมาแล้ว สิ่งที่ผมถามตัวเองต่อ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ ผมต้องการเงินจำนวนเท่าไหร่ กับ ผมสามารถเก็บเงินในแต่ละเดือนได้สูงสุดเท่าไหร่ ซึ่งคำนวณแล้วผมได้ตัวเลขและคำตอบออกมาว่า ผมต้องเก็บเงินใช้ไว้หลังเกษียณจำนวน 8 ล้านบาท และเก็บเงินไว้ให้ลูกจำนวน 2 ล้านบาท ในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งถ้าหากวันนี้ผมสามารถเก็บเงินได้เดือนละ 15,000 บาทสำหรับเป้าหมายเกษียณ และ 5,000 บาทสำหรับเงินที่เก็บไว้ให้ลูก และนำไปลงทุนโดยที่ได้รับผลตอบแทน 8 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี ผมจะสามารถเก็บเงินได้ครบตามที่กำหนดเป้าหมายไว้[1]
เมื่อผมรู้ว่าตัวเองต้องลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้ผมสามารถกำหนดทรัพย์สินที่นำมาเลือกลงทุนได้ครับ นั่นคือ ผมเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงสักหน่อย เช่น กองทุนรวมหุ้น ที่ได้รับผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย 10 ปีอยู่ที่ประมาณ 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี
หลังจากนั้นผมก็คิดต่อว่า นอกจากลงทุนในกองทุนรวมหุ้นแล้ว ตัวผมเองก็เสียภาษีด้วยนี่นา ดังนั้นไหนๆ จะซื้อเพื่อเป้าหมายทั้งที ก็ใช้พวกกองทุนประหยัดภาษีมาช่วยเสียเลย นั่นคือ LTF และ RMF โดยผมเลือก LTF ไว้สำหรับลงทุนเพื่อเกษียณ ส่วน RMF ไว้สำหรับลงทุนให้เป็นเงินเก็บของลูก
เมื่อตัดสินใจแล้ว ผมก็ลงทุนต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี พอร์ตการลงทุนของผมก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าวันนี้จะยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่มันทำให้ผมเรียนรู้เพิ่มเติมอีกว่า สิ่งสำคัญที่ผมต้องมีคือ กระแสเงินสดที่ผมต้องมีเดือนละ 15,000 บาท เพื่อนำมาลงทุนเรื่อยๆ ซึ่งถ้าผมสามารถทำได้ไปจนถึงอีกประมาณ 20 ปีตามที่ตั้งใจ และผลตอบแทนที่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ผมก็จะมีเงินไว้ใช้ตามวัตถุประสงค์ทั้งหมดที่ว่ามาครับ
ถ้าลองมองดีๆ จะเห็นว่าทางที่ผมเลือกเพื่ออนาคตที่ว่านี้ มันมีแต่ประโยชน์ที่ทุกฝ่ายได้รับ ผมเองได้รับสิทธิประโยชน์เรื่องภาษี ลูกได้รับเงินตามเป้าหมายที่ผมวางไว้ (แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับแผนการลงทุนต่อจากนี้ ซึ่งผมเองก็ต้องคอยพัฒนาให้ดีขึ้นเช่นกันครับ)
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้ให้คิดสำหรับตัวอย่างทั้งหมดที่เล่ามา ก็คือก่อนที่คุณจะถามว่า “กองทุนไหนดี” “ลงทุนแบบไหนได้” สิ่งที่คุณต้องมีเป็นอันดับแรกคือความรู้ นั่นคือ รู้ความต้องการของตัวเองก่อน (เป้าหมาย) หลังจากนั้นรู้ว่าจะเลือกใช้เครื่องมือลงทุนอะไรแบบไหนบ้าง และสุดท้ายคือมีประโยชน์อื่นที่หาเพิ่มได้ไหม เช่น เรื่องภาษี ฯลฯ
ผมเชื่อว่าถ้าใครตอบแบบนี้ได้…
คุณจะพบการลงทุนที่เรียบง่าย แต่ให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างแน่นอนครับ
ปล. การคำนวณตรงนี้ ผมใช้วิธีคำนวณผ่านโปรแกรมคำนวณเงินออมของทาง ศศง. ครับ โดยคิดที่อัตราผลตอบแทน 8 เปอร์เซ็นต์
แหล่งที่มา https://www.gqthailand.com/culture/article/im-si-wan-become-a-villain-in-emergency-declaration