ครั้งแรกของการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น หลายคนคงปักหมุดในใจว่าจะต้องไปเยือนแหล่งช็อปปิ้ง ตามรอยร้านดัง หาของกินขึ้นชื่อ เดินชมร้านรวงน่ารักมากมายในย่านเมืองหลวง แต่เพื่อนร่วมทางในครั้งนั้นดันจัดแพลนว่าพวกเราควรไปหมู่บ้านชาวประมง
ไปทำไมหมู่บ้านชาวประมง? คำถามนี้เกิดขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว สงสัยว่าที่นั่นมีอะไรน่าสนใจมากกว่าการไปเยือนพระราชวังทองคำของท่านโชกุน ไปยืนเซลฟี่ริมประสาทโอซาก้า หรือไปตามล่าหาราเมนในตำนานที่เขาว่ากันว่าห้ามพลาด ซึ่งยังไม่มีใครแนะนำว่าต้องไปหมู่บ้านอิเนะเลยสักคน
One day trip ของหมู่บ้านชาวประมงอนุรักษ์ถูกแทรกลงในแพลน 9 วันอย่างเงียบสงบไร้ข้อโต้แย้ง พอถึงวันที่พวกเราต้องเดินทางข้ามจากโอซาก้าไปเกียวโตเพื่อท่องเที่ยว (ต้องเรียกว่าตะเกียกตะกาย) ที่หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ (Ine Funaya) เมืองเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกียวโตแบบไม่แวะค้างคืน แน่นอนว่าช่างเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างโหดสักหน่อย เนื่องจากต้องโดยสารรถไฟและต่อรถบัส รวมแล้วเป็นเวลาหลายชั่วโมง
ใช่… ทริปนี้เราต้องขึ้นรถไฟจากเกียวโตมาลงที่สถานีอามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate) โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง จากนั้นก็นั่งรถประจำทางสายทันไค (Tankai) อีก 1 ชั่วโมงมาลงที่ป้ายสถานีหมู่บ้านอิเนะ ซึ่งช่วงปลายมกราคมเข้าเดือนกุมภาพันธ์อย่างนี้ เป็นช่วงที่หิมะละลายแล้ว อากาศจึงหลงเหลือความเย็นชื้นบ้าง บวกกับฝนตกลงมาประปราย ทำให้การโดยสารรถบัสจึงค่อนข้างอึดอัดกับอากาศที่อึมครึมเล็กน้อย แต่ต้องยอมรับว่าการคมนาคมของญี่ปุ่นแม้จะอยู่ในท้องถิ่นที่ห่างไกล ก็ยังตรงเวลาและปลอดภัยเสมอ
เพื่อนร่วมทางเราเล่าว่า หมู่บ้านอิเนะเป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ปัจจุบันถือว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงอนุรักษ์ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยเอกลักษณ์ของบ้านสไตล์ Boathouse หรือฟุนายะ (The Funaya of Ine) โดยบ้านแต่ละหลังจะตั้งเรียงรายติดชายฝั่งของอ่าวในคาบสมุทรเคียวทังโกะ เนื่องจากอยู่ติดกับริมน้ำมาก การสร้างบ้านแบบชาวประมงจึงถือเอาความสะดวก โดยทำชั้นล่างเป็นที่จอดเรือและสามารถลงเรือออกทะเลได้ทันที ส่วนชั้นสองทำเป็นที่อยู่อาศัยอย่างเป็นสัดส่วน
สำหรับคนที่อยากเที่ยวแบบเต็มรูปแบบ เช่น จัดทริปค้างคืน ลิ้มลองรสชาติอาหารแบบดั้งเดิม เรียนรู้วิถีชีวิตแบบชาวประมง ที่นี่ก็มีการจัดทริปล่องเรือชมอ่าวอิเนะ (Ine-wan Bay Excursion Boat) โดยจะพานักท่องเที่ยววนรอบอ่าวที่รายล้อมไปด้วยบ้านแบบฟุนายะราวครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ชมภูมิทัศน์ของหมู่บ้านลอยน้ำที่สวยงามแปลกตา และยังเพลิดเพลินไปกับการให้อาหารฝูงนกนางนวลที่บินอยู่รอบๆ อ่าว แม้ว่าที่นี่จะมีนักเดินทางแวะเวียนมาตลอดทั้งปี แต่แนะนำว่าหากใครอยากสัมผัสความงดงามจากแสงอาทิตย์และสายลมพัดอุ่นๆ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการท่องเที่ยวแบบชาวประมงริมทะเล ก็ควรมาเที่ยวช่วงเมษายนเป็นต้นไป
แต่สำหรับการมาเดินเล่น ณ หมู่บ้านอิเนะในช่วงที่เพิ่งหมดจากฤดูกาลหาปลาเล็กน้อย แถวนี้จึงค่อนข้างสงบเงียบ แม้จะมีบ้านเรียงรายหลายร้อยหลังก็ตาม เราจึงไม่กล้าที่จะส่งเสียงดังสักนิด ราวกับเสียงก้าวเดินแต่ละก้าว อาจจะไปรบกวนใครสักคนที่กำลังพักผ่อนอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากบนถนนหนทางของหมู่บ้านแห่งนี้จะไร้ซึ่งผู้คนออกมาสัญจร ทำให้การพักผ่อนเพียงแค่เดินเที่ยวชิลๆ นี้กลับได้สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด พร้อมกับสอดส่ายสายตามองไปตามบ้านแต่ละหลัง แวะดูเรือแต่ละลำที่จอดเหนือผืนน้ำใสๆ มองเห็นหอยเม่นตัวน้อยๆ ลอยมากระทบหินใต้น้ำอย่างชัดเจน กลับมีความสุขในหัวใจพิลึก
อีกด้านของหมู่บ้านริมอ่าวยังมีบริเวณลานกว้างสำหรับตากอวนเปล่า ซึ่งเป็นจุดที่เราสามารถยืนมองพระอาทิตย์ตกบนคาบสมุทรและปล่อยใจให้ดื่มด่ำไปกับอากาศที่ดี วิวสวย ทำให้ลืมไปเสียสิ้นว่า นี่พวกเราเดินทางใช้เวลาไป-กลับเกือบ 10 ชั่วโมง เพื่อมาสูดอากาศที่นี่เพียงชั่วโมงเดียว
เราได้รู้ตอนนั้นเองว่า เพียงแค่ยืนนิ่งๆ แล้วทอดสายตาไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย เสมือนใช้ธรรมชาติบำบัดให้หายจากความเหน็ดเหนื่อย นับว่าเป็นการเดินทางที่แลกกับเวลาอันยาวนานที่คุ้มค่าทีเดียว
แหล่งที่มา https://www.gqthailand.com/lifestyle/article/peaceful-place