การเป็นนักลงทุนที่ดีนั้น สิ่งสำคัญคือเราต้องมีพื้นฐานในการลงทุนที่ดี รวมถึงศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นจากตัวอย่างในอดีตผ่านหนังสือและบทความต่างๆ จากผู้มีประสบการณ์ 

     อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันการเข้ามาของโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นทำให้เกิดโลกไร้พรมแดน เราสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นได้ไวมากจากทั่วโลก อย่างต้นปีที่ผ่านมา เกิดกระแสของการเทรดผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์กทำให้เราได้รู้จักกับ Wallstreetbets (กลุ่มชุมชนย่อยๆ จาก Reddit ที่ได้ลงทุนเทรดในหุ้น Gamestop ของสหรัฐอเมริกา โดยอาศัยตรรกะที่ว่าหุ้นตัวนี้เกิดการ Short Sell หรือการยืมหุ้นมาขายจำนวนมากเกินไป) 

     ตรงนี้ผมกลับมองว่าเป็นประโยชน์ เพราะมันทำให้เราไม่ได้จำกัดกรอบความคิดอยู่ที่การลงทุนตามตำราแบบเก่า แต่กลับเปิดใจยอมรับการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ หรือธีมการลงทุนรูปแบบใหม่

หากพูดถึงกระแสการลงทุนที่ร้อนแรงที่สุดในปัจจุบันนี้ คงหนีไม่พ้นกระแสของกัญชาที่สามารถซื้อขายได้อย่างถูกกฎหมายตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้การพูดถึงกัญชานั้นกลายเป็นเรื่องที่แพร่หลายขึ้นมา เมื่อเกิดเหตุดังกล่าว ผมจึงฉุกคิดได้ว่าการลงทุนนี้น่าสนใจ และเลือกที่จะทำการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม

     กัญชา (Cannabis) คือพืชชนิดหนึ่งที่มีใบแยกออกเป็นแฉกประมาณ 5-8 แฉก ใบมีรอยหยัก ดอกออกเป็นช่อเล็กๆ ตามกิ่งและก้านของต้น โดยสรรพคุณของกัญชานั้นมีมาก เช่น คลายความวิตกกังวล รักษาโรคได้หลายประเภท เช่น มะเร็ง บรรเทาหอบหืด ลดอาการปวด ฯลฯ รวมถึงใช้เป็นส่วนผสมของอาหารและเครื่องดื่มได้ เพียงแต่กัญชามีสารเสพติด ถ้าใช้มากเกินไปก็จะมีฤทธิ์ก่อให้เกิดผลเสียหลายอย่างเช่นกัน

     สิ่งที่น่าสนใจก็คือ แม้กัญชาจะเป็นพืชที่เพิ่งได้รับการยอมรับมากขึ้นในไม่กี่ประเทศทั่วโลก แต่ก็ดูมีอนาคตที่สดใส โดยผลการวิจัยมูลค่าตลาดกัญชาของศูนย์วิจัย MarketsandMarkets™ พบว่า ในปี 2026 มูลค่ารวมของตลาดกัญชาโลกจะสูงถึง 90.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ จาก 20.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2020 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึงปีละ 28 เปอร์เซ็นต์ 

     ในเมกะเทรนด์ของโลกที่กำลังมีการเติบโตของตลาดอย่างมาก แน่นอนว่าภาคการลงทุนในประเทศไทยก็ย่อมจะได้อานิสงส์ในทิศทางเดียวกัน

     จากประสบการณ์การลงทุนของผมพบว่า หุ้นที่ได้ผลประโยชน์จากการทำให้กัญชาถูกกฎหมาย(Legalization) เป็นหนึ่งในหุ้นที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้ นั่นคือหุ้นของบริษัท Canopy Growth Corporation (CGC) ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาโดยตรงจากประเทศแคนาดา โดยในช่วงต้นปี 2016 ถึงปลายปี 2018 หุ้นวิ่งจากราคาหุ้นละ 2 เหรียญสหรัฐ ไปทำจุดสูงสุดที่ราคาประมาณ 59 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 29 เท่าภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ แม้กัญชาจะเป็นพืชที่เพิ่งได้รับการยอมรับมากขึ้นในไม่กี่ประเทศทั่วโลก แต่ก็ดูมีอนาคตที่สดใส

     หากเราเชื่อมั่นว่ากัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่จะเข้ามาช่วยวงการธุรกิจในประเทศไทยด้วยการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกไปและมีบทบาทอีกมากนั้น บริษัทที่ได้รับอานิสงส์จากการทำกัญชาให้ถูกกฎหมายในครั้งนี้ ก็มีโอกาสที่จะเติบโตได้สูงเช่นเดียวกัน 

     อีกธีมหนึ่งที่น่าสนใจและได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือธีมการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)

     คริปโตเคอร์เรนซีคือสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีการเข้ารหัส มีราคากลางในการซื้อขาย ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนผ่านอินเทอร์เน็ต และทำงานอยู่บนระบบที่สามารถควบคุมตัวเองได้ที่เรียกว่าบล็อกเชน (Blockchain) 

     คริปโตเคอร์เรนซีจะมีเหรียญนำที่ทุกคนคงรู้จักกันดีและเคยได้ยินชื่อมาเป็นระยะเวลานาน นั่นก็คือบิตคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทุกอย่างในโลกปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการมีอยู่อย่างจำกัดของเหรียญ ความรวดเร็วในการทำงาน สามารถตรวจสอบได้ และการนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เป็นทุนสำรองของบริษัท (ซึ่งเราจะทราบได้ดีจากข่าวที่บริษัท เทสล่า (Tesla) ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ เข้าซื้อบิตคอยน์เพื่อใช้เป็นทุนสำรองบริษัทจำนวนกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (4.5 หมื่นล้านบาท) และในเวลาต่อมา ก็ได้อนุมัตินโยบายการรับชำระค่ารถยนต์ของค่ายเทสล่าด้วยบิตคอยน์ในอเมริกา)

     อีกเหรียญที่มีการเจริญเติบโตไม่แพ้กัน นั่นก็คือเหรียญ ETH หรืออีเธอเรียม (Ethereum) ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ผู้ใช้งานสามารถเอาไปพัฒนาระบบเพื่อต่อยอดได้ โดยในปีนี้มีการใช้งาน ETH สูงมาก ผ่านโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ DeFi (Decentralized Finance) ซึ่งเป็นแนวคิดการนำเทคโนโลยี บล็อกเชนมาทำหน้าที่แทนตัวกลางเดิมอย่างสถาบันการเงินและธนาคาร และโครงการ NFT (Non-Fungible Token) ซึ่งนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ ทำให้สามารถแสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นๆ ได้ นิยมใช้ในของสะสม ไม่ว่าจะเป็นการ์ดเกม ภาพวาด และงานศิลปะ) 

     ส่วนกระแสที่กำลังมานั้นจะตกลงไปเหมือนอย่างสี่ปีที่แล้ว และมีการลดลงของราคาสินทรัพย์จำนวนมากหรือไม่ ก็คงต้องติดตามกันต่อไป โดยจะพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อน การพัฒนาของศักยภาพเหรียญต่างๆ ที่มีมากขึ้น การพัฒนาการตรวจสอบ การพัฒนาตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขาย (Exchange) ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยก็มีบิตคับ (Bitkub) ซึ่งเป็นตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีอันดับหนึ่ง มีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูง และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และมีจำนวนเหรียญที่ซื้อขายจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย

     อย่างไรก็ตาม การลงทุนกับความเสี่ยงเป็นของคู่กันเสมอ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลการลงทุนให้มากก่อนการตัดสินใจครับ

แหล่งที่มา https://www.gqthailand.com/lifestyle/article/breaking-the-barrier-of-investing

Add Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *